วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การโจมตีซอฟต์แวร์ ภัยอันตรายของคนใช้คอมพิวเตอร์ !! WARNING !!





การโจมตีซอฟต์แวร์ (Deliberate Software Attacks)

การโจมตีซอฟต์แวร์ เกิดขึ้นโดยการออกแบบซอฟต์แวร์ให้โจมตีระบบจากคนๆ เดียวหรือจากกลุ่มคนมีซอฟต์แวร์ที่ก่อความเสียหาย ทำลาย หรือ ปฏิเสธการบริการของระบบเป้าหมายซอพต์แวร์ที่ได้รับความนิยมคือ Malicious Code หรือ Malicious Software มักจะเรียกว่า มัลแวร์(Malware) มีมากมาย อาทิ ไวรัส (Viruses) เวิร์ม (Worms) ม้าโทรจัน (Trojan Horses) Logicbombs และ ประตูหลัง (Back doors)


Malware Attacks (การโจมตีโดยใช้มัลแวร์)

         Malware ย่อมาจาก Malicious Software หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกชนิดที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อคอมพิวเตอร์และเครือข่าย หรือเป็นคำที่ใช้เรียกโปรแกรมที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อ ระบบคอมพิวเตอร์ทุกชนิดแบบรวมๆ โปรแกรมพวกนี้ก็เช่น virus, worm, trojan, spyware, keylogger, hack tool, dialer, phishing, toolbar, BHO, etc

แต่ เนื่องจาก virus คือ malware ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และอยู่มานาน ดังนั้นโดยทั่วไปตามข่าวหรือบทความต่างๆที่ไม่เน้นไป ในทางวิชาการมากเกินไป หรือเพื่อความง่าย ก็จะใช้คำว่า virus แทนคำว่า malware แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง malware แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน

 

1. ไวรัส (Viruses)

เป็นมัลแวร์ที่รู้จักกันมากที่สุด ซึ่งก็คือกลุ่มของรหัสคำสั่ง (Code) ที่ถูกนำไปติดหรือฝังตัวเอง ไว้กับไฟล์ (File-infector) หรือเซคเตอร์ระบบที่มีความอ่อนไหว (Sensitive System Sector) ภายในหน่วยความจำสำรอง (Hard Disk) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตกเป็นเหยื่อ การแพร่กระจายของไวรัสจะเกิดขึ้นจากการที่ไฟล์หรือโปรแกรมที่ติดรหัสคำสั่งไวรัสนั้นไปติดตั้งและประมวลผลบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น



2. หนอนคอมพิวเตอร์ (Worms)

ส่วนใหญ่มักจะสับสนกับไวรัส แต่ที่จริงแล้ว ข้อที่แตกต่างกันคือ หนอนคอมพิวเตอร์ จะ ไม่ ถูกนำไปติดหรือฝังไว้กับโปรแกรมอื่น แต่จะ พยายามแพร่กระจายตัวเอง ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ยกตัวอย่างเช่น หนอนคอมพิวเตอร์บางตัว จะเริ่มด้วยการแสกนหาโปรแกรมจำพวก Webserver ที่มีความอ่อนแอก่อน (Known weaknesses) จากนั้นก็จะทำการเจาะระบบผ่านจุดอ่อนที่ค้นพบ ด้วย Message ที่ใช้ในการโจมตี (A single-message Break-in Attack) ซึ่ง Message นั้น ก็จะทำการถ่ายโอน หนอนคอมพิวเตอร์ ไปไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายต่อไป



3. ม้าโทรจัน (Trojan horses)

โทรจันฮอร์สจะแฝงตัวมากับซอฟต์แวร์ จะทำงานเมื่อผู้ใช้รันซอฟต์แวร์ แล้วโทรจันฮอร์สจะทำลายระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เมื่อเรียกไฟล์ .exe ที่มากับแชร์แวร์ หรือ ฟรีแวร์รูปแสดงตัวอย่างสรุปการโจมตีของโทรจันฮอร์ส ประมาณ 20 มกราคม 1999 เริ่มจากผู้ใช้ได้รับอีเมล์ที่มีโปรแกรมโทรจันฮอร์สแนบมาชื่อ Happy99.exe เมื่อเปิดอีเมล์และติดตั้ง โปรแกรมโทรจันฮอร์สที่แฝงมาจะก่อกวนระบบทันที เช่น ลบไฟล์ หรือ สร้างแบ็คดอร์ให้แฮคเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูล ลบไฟล์ต่างๆในระบบได้




4. Back Door or Trap Door

Back door หรือ Trap door เป็นสิ่งที่โปรแกรมเมอร์ได้สร้างไว้และรู้กันเฉพาะกลุ่มสำหรับการเข้าไปแก้ไขระบบ ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้แฮคเกอร์เข้ามาในระบบและมีสิทธิพิเศษในการแก้ไขสิ่งต่างๆตัวอย่าง ประเภทของ back door มี Subseven และ Back Orifice


5. Polymorphism

Polymorphism เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาให้มีความยากในการตรวจจับ อาจจะใช้เวลาหลายวันในการสร้างโปรแกรมตรวจจับ เพื่อจัดการกับ polymorphism เพราะมันใช้เทคนิคการซ่อนลักษณะเฉพาะที่สำคัญ (signatures) ไม่ให้คงรูปเดิม เพื่อหลีกจากการตรวจจับของโปรแกรมแอนตี้ไวรัส


6. Virus and Worm Hoaxes

เป็นรูปแบบของการหลอกลวงผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทำให้เสียเงินเสียเวลาในการวิเคราะห์ โดยไวรัสหลอกลวงจะมาในรูปจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เตือนให้ระวังอันตรายจากไวรัส ด้วยการอ้างแหล่งข้อมูลเป็นรายงานที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้รับส่งต่อจดหมายเตือนฉบับนั้นต่อๆไปอีกหลายๆทอดซึ่งเป็นลักษณะของไวรัสหลอกลวง หากได้รับจดหมายประเภทนี้ไม่ควรที่จะส่งต่อ ควรเช็คจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องก่อนทำการส่ง และควรจะอัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่างสม่ำเสมอ




ที่มา : http://www.pi.ac.th/up_news/139c3cComputer_safty.pdf
          http://www.oknation.net/blog/print.php?id=160934

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Creative Commons สัญลักษณ์ดีๆที่ควรรู้ !



วันนี้ Mr. Marit ก็นำความรู้เกี่ยวกับ Creative Commons มาฝากเพื่อนๆกันครับ






ความหมาย ของ Creative Commons

   ครีเอทีฟคอมมอนส์เป็นองค์กรไม่แสวงกำไรที่สนับสนุนการสร้างและนำสื่อกลับมา ใช้ โดยไม่ถูกจำกัดจากลิขสิทธิ์แบบเต็มที่ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์เอื้อให้ผู้สร้างสรรค์งานกำหนดได้อย่างชัดเจน ว่า จะให้ผู้นำไปใช้ต่อทำอะไรได้บ้างโดยไม่ต้องขออนุญาต ทำให้นำงานไปต่อยอดได้สะดวกขึ้น


เป้าหมาย วัตถุประสงค์  ของ Creative Commons

   สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ ช่วย ให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถให้สิทธิบางส่วนหรือทั้งหมดแก่สาธารณะ ในขณะที่ยังคงสงวนสิทธิอื่นๆไว้ได้ โดยการใช้สัญญาอนุญาตหลายหลากรูปแบบ ซึ่งรวมถึง การยกให้เป็นสาธารณสมบัติหรือสัญญาอนุญาตแบบเปิดทั้งหลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ต่อการแบ่งปันสารสนเทศ


Creative Commons ในประเทศไทย


   โครงการ ครีเอทีฟคอมมอนส์อินเตอร์เนชันแนล (Creative Commons International ย่อว่า CCi) เป็นโครงการที่จัดตั้งโดยครีเอทีฟคอมมอนส์ เพื่อให้มีการจัดการกฎหมายคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ในปัจจุบัน (3 เมษายน พ.ศ. 2552) มีทั้งหมด 51 ประเทศ (รวมทั้งประเทศไทย) ที่ได้จัดทำโดยสมบูรณ์ และอีก 8 ประเทศที่อยู่ในระหว่างการจัดทำ


   สำหรับสัญญาครีเอฟทีฟคอมมอนส์ในภาษาไทย จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือของ สำนักกฎหมายธรรมนิติ สถาบัน ChangeFusion และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยรองรับตามหลักเกณฑ์ครีเอทีฟคอมมอนส์ รุ่น 3.0 และปรับให้เข้ากับกฎหมายลิขสิทธิ์ไทย จึงสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมายไทย ประกาศเปิดตัวเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552 เป็นลำดับที่ 51 ของโลก


รูปแบบสัญลักษณ์ Creative Commons (CC)  



แสดงที่มา (Attribution: by) 
คุณ ต้องแสดงที่มาของงานดังกล่าวตามรูปแบบที่ผู้สร้างสรรค์หรือผู้อนุญาตกำหนด (แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่ว่าพวกเขาสนับสนุนคุณหรือสนับสนุนการที่คุณนำงานไปใช้)



ไม่ใช้เพื่อการค้า (Noncommercial: nc)
คุณไม่อาจใช้งานนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า
 

ไม่ดัดแปลง (No Derivative Works: nd)
คุณไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือสร้างงานของคุณจากงานนี้



อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike: sa)
หาก คุณดัดแปลง เปลี่ยนรูป หรือต่อเติมงานนี้คุณต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดียวกัน หรือแบบที่เหมือนกับหรือที่เข้ากันได้กับสัญญาอนุญาตที่ใช้กับงานนี้เท่านั้น 



ทั้งนี้สัญลักษณ์ดังกล่าวสามารถนำมาใช้ร่วมกัน เช่น
 




หมาย ถึง สามารถใช้ชิ้นงานดังกล่าวได้โดยต้องแสดงที่มา และหากมีการดัดแปลงชิ้นแปลงก็จะต้องเผยแพร่งานโดยใช้สัญญาอนุญาตในแบบเดียว กันนี้ต่อไป


การสร้างไฟล์รูปภาพ Creative Commons สำหรับเว็บไซต์ในประเทศไทยทำอย่างไร

ทำได้โดยเข้าไปที่ เว็บไซต์ดังกล่าว http://creativecommons.org/choose/?lang=th  



สัญลักษณ์ Creative Commons ที่อยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ







สัญลักษณ์ที่เราเห็นอยู่ด้านมุมขวาล่างนั้น หมายถึง ให้เผยแพร่ดัดแปลงโดยต้องระบุที่มาแต่ห้ามใช้เพื่อการค้าและต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกัน






 ที่มา : http://www.kwamru.com/94

           
 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C

http://www.thaigoodview.com/