วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Software คืออะไร ??

วันนี้ Mr.Marit ก็นำความรู้เรื่อง "Software" ต่างๆ มาฝากกันครับ



 

 

Software คืออะไร ?

 






      ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้
     โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นซอฟต์แวร์ เพราะเป็นลำดับขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำงานแตกต่างกันได้มากมายด้วยซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกัน ซอฟต์แวร์จึงหมายรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้
      การที่เราเห็นคอมพิวเตอร์ทำงานให้กับเราได้มากมาย เพราะว่ามีผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาให้เราสั่งงานคอมพิวเตอร์ ร้านค้าอาจใช้คอมพิวเตอร์ทำบัญชีที่ยุ่งยากซับซ้อน บริษัทขายตั๋วใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในระบบการจองตั๋ว คอมพิวเตอร์ช่วยในเรื่องกิจการงานธนาคารที่มีข้อมูลต่าง ๆ มากมาย คอมพิวเตอร์ช่วยงานพิมพ์เอกสารให้สวยงาม เป็นต้น การที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการให้ประโยชน์ได้มากมายมหาศาลจะอยู่ที่ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญมาก และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเป็นไปได้ตามที่ต้องการ




      Software แบ่งเป็นกี่ประเภทกันหละ ?


ในบรรดาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน พอแบ่งแยกซอฟต์แวร์ได้เป็นสองประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) 

 

ซอฟต์แวร์ระบบ



         
   คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย หน่วยรับเข้า หน่วยส่งออก หน่วยความจำ และหน่วยประมวลผล ในการทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการดำเนินงานกับอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น ดังนั้นจึงต้องมีซอฟต์แวร์ระบบเพื่อใช้ในการจัดการระบบ หน้าที่หลักของซอฟต์แวร์ระบบประกอบด้วย
ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการ และตัวแปลภาษา ซอฟต์แวร์ทั่งสองประเภทนี้ทำให้เกิดพัฒนาการประยุกต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น

1. ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับการกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้า และส่งออกอื่น ๆ เช่น เมาส์ อุปกรณ์สังเคราะห์เสียง

2. ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก

3. ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการสารบบในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล

ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการ และตัวแปลภาษา ซอฟต์แวร์ทั่งสองประเภทนี้ทำให้เกิดพัฒนาการประยุกต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น 

ระบบปฏิบัติการ 

      ระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า โอเอส (Operating System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่นดอส (Disk Operating System : DOS) วินโดวส์ (Windows) โอเอสทู (OS/2) ยูนิกซ์ (UNIX) 

   1) ดอส เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ 

   2) วินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส เพื่อเน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น สามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ โดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช่องหน้าต่างที่แสดงผลบนจอภาพ การใช้งานเน้นรูปแบบกราฟิก ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้ตำแหน่งเพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฏบนจอภาพ ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่าย วินโดวส์จึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน 

   3) โอเอสทู เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับวินโดว์ส แต่บริษัทผู้พัฒนาคือ บริษัทไอบีเอ็ม เป็นระบบปฏิบัติการที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้ทำงานได้หลายงานพร้อมกัน และการใช้งานก็เป็นแบบกราฟิกเช่นเดียวกับวินโดวส์ 

   4) ยูนิกซ์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฎิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้หลายงานพร้อมกัน และทำงานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ยูนิกซ์จึงใช้ได้กับเครื่องที่เชื่อมโยงและต่อกับเครื่อปลายทางได้หลายเครื่องพร้อมกัน
ระบบปฏิบัติการยังมีอีกมาก โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ วินโดว์สเอ็นที


 ตัวแปลภาษา

   ในการพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง เพื่อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดับสูงเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำสั่งได้ง่าย เข้าใจได้ ตลอดจนถึงสามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ในภายหลังได้ 


ภาษาระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาทุกภาษาจะต้องมีตัวแปลภาษาสำหรับแปลภาษา ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี และภาษาโลโก 
   
   1) ภาษาปาสคาล เป็นภาษาสั่งงานคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบเป็นโครงสร้าง เขียนสั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนความ ผู้เขียนสามารถแบ่งแยกงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วมารวมกันเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ได้ 

   2) ภาษาเบสิก เป็นภาษาที่มีรูปแบบคำสั่งไม่ยุ่งยาก สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย มีรูปแบบคำสั่งพื้นฐานที่สามารถนำมาเขียนเรียงต่อกันเป็นโปรแกรมได้ 

   3) ภาษาซี เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ภาษาซีเป็นภาษาที่มีโครงสร้างคล่องตัวสำหรับการเขียนโปรแกรมหรือให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ 

   4) ภาษาโลโก เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้และเข้าใจหลักการโปรแกรมภาษาโลโกได้รับการพัฒนาสำหรับเด็ก

นอกจากภาษาที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมากมายหลายภาษา เช่น ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล ภาษาอาร์พีจี






 ซอฟต์แวร์ประยุกต์

 



         
      การที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการที่มีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทำให้มีการใช้งานคล่องตัวขึ้น จนในปัจจุบันสามารถนำคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ติดตัวไปใช้งานในที่ต่าง ๆ ได้สะดวก การใช้งานคอมพิวเตอร์ต้องมีซอฟตืแวร์ประยุกต์ ซึ่งอาจเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีผู้พัฒนาเพื่อใช้งานทั่วไปทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้น หรืออาจเป็นซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของตน
  
ซอฟต์แวร์สำเร็จ

     ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (package) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวลคำ (word processing software) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spread sheet software) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล (data base management software) ซอฟต์แวร์นำเสนอ (presentation software) และซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล (data communication software)

   1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร 

   2) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล โลตัส 

   3) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บ การเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซส ดีเบส พาราด็อก ฟ๊อกเบส  

   4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัสฟรีแลนซ์ ฮาร์วาร์ดกราฟิก 

   5) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลนี้หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ ติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกล โดยผ่านทางสายโทรศัพท์ ซอฟต์แวร์สื่อสารใช้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพื่อเรียกใช้งานจากเครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลที่นิยมมีมากมายหลายซอฟต์แวร์ เช่น โปรคอม ครอสทอล์ค เทลิก


ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ


    การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จมักจะเน้นการใช้งานทั่วไป แต่อาจจะนำมาประยุกต์โดยตรงกับงานทางธุรกิจบางอย่างไม่ได้ เช่นในกิจการธนาคาร มีการฝากถอนเงิน งานทางด้านบัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มีงานการขายสินค้า การออกใบเสร็จรับเงิน การควบคุมสินค้าคงคลัง ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภทให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย

     ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะมักเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูปแบบการทำงานหรือความต้องการของธุรกิจนั้น ๆ แล้วจัดทำขึ้น โดยทั่วไปจะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีหลายส่วนรวมกันเพื่อร่วมกันทำงาน ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะที่ใช้กันในทางธุรกิจ เช่น ระบบงานทางด้านบัญชี ระบบงานจัดจำหน่าย ระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรม บริหารการเงิน และการเช่าซื้อ

     ความต้องการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานทางธุรกิจยังมีอีกมาก ดังนั้นจึงต้องมีความต้องการผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะต่าง ๆ อีกมากมาย


 และนี่ก็จะเป็นตัวอย่างระบบปฎิบัติการต่างๆ ที่ Mr.Marit จะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน




Windows Operating System



DOS Operating System
iOS (iPhone OS)



Andriod Operating System
ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงตัว Mr.Marit เองด้วย นั้นก็คือ


iTunes

 โปรแกรม iTunes โปรแกรมฟังเพลง บนเครื่อง PC จากค่าย Apple สามารถนำไป Sync เพลง วีดีโอ รูป กับ iPhone iPod และ iPad เป็น Application Software หรือ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ 

 

 

 

ที่มา : http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/software/software/

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ

วันนี้ Mr.Marit ก็มีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับ "เทคโนโลยีสารสนเทศ"

มาฝากเพื่อนๆชาวบล็อกเกอร์ทุกคนครับ

 

 

 ข้อมูล หมายถึงอะไร

ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น  บุคคล   สิ่งของ  สถานที่  ฯลฯ     ข้อมูลเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ข้อมูลต้องถูกต้องแม่นยำ  ครบถ้วนขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเร็วของการเก็บ ข้อมูล



สารสนเทศหมายถึงอะไร


สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข่าวสารที่ได้จากการนำ ข้อมูลดิบ (raw data) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที


 

เทคโนโลยีสารสนเทศ คืออะไร

         เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) คือ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล ปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ การดำเนินธุรกิจ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล
1)  บุคลากร เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการในการดำเนินการ และจัดการเกี่ยวกับสารสนเทศทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 

2)  ขั้นตอนการปฏิบัติ หมายถึง ระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้ เป็นสารสนเทศได้ เช่น การกำหนดให้มีการป้อนข้อมูลทุกวัน การปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ 

3) เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ ฮาร์ดแวร์ เป็น อุปกรณ์ที่ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งประกอบด้วยคีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ หน่วยระบบ และอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์จะถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ 

4) ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่น (Application Software) เป็นชุดคำสั่งที่เรียงเป็นลำดับขั้นตอน มีหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ

5)  ข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคล วัตถุหรือสถานที่ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้เป็นเครื่องช่วยในการวางแผนงานการบริหาร จัดการ ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีความเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ มีความเป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบได้ และมีความสมบูรณ์ชัดเจน 

ดังนั้นจากที่ ผม Mr.Marit สรุปได้คือ ข้อมูลและสารสนเทศมีความแตกต่างกัน ข้อมูลนั้นจะเป็นข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล เป็นเพียงตัวเลข รูปภาพ เสียงหรือสื่อวิดีโอต่างๆ  เเต่สารสนเทศจะจัดเป็นเทคโนโลยีหรือข้อมูลที่ประมวลผลมาเเล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในด้านต่างๆ

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ยิ่งสูงยิ่งสวย กับ 10 ตึกสูงวิวสวยยอดฮิตแห่งเอเชียแปซิฟิก


กลับมาอีกครั้งกับ บล็อกกากๆ กับ Mr.Marit   
วันนี้มีสุดยอดตึก ทั้ง 10 ตึกแห่งเอเชียแปซิฟิกให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ 

10 ตึกสูงวิวสวยยอดฮิตแห่งเอเชียแปซิฟิก





       ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นเป็นที่ตั้งของตึกสูงระฟ้าอยู่ที่ มีชื่อเสียงของโลกอยู่มากมาย ซึ่งล่าสุด ทริปแอดไวเซอร์เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก จัดอันดับ 10 ตึกระฟ้าที่มีความโดดดเด่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวที่สวยงามได้
 
       
โดยการจัดอันดับในครั้งนี้มีการอ้างอิงจากบทวิจารณ์และการแสดงความ คิดเห็นของนักเดินทางทั่วโลก ที่ชื่นชอบการชมวิวจากระฟ้า ประกอบด้วย
     
        


      เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ (The Shanghai World Financial Center) ประเทศจีน ตึกระฟ้าแห่งนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และสูงเป็นอันดับ 5 ของโลกในปัจจุบัน มีความสูงถึง 492.0 เมตร ซึ่งจะถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน แซงหน้าอาคารจินเหมาซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง ผู้ที่ขึ้นมาบนอาคารสามารถชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของนครเซี่ยงไฮ้ได้อย่างจัด เจน


       มารีนา เบย์ แซนด์ส สกายพาร์ค (marina bay sands sky park) ประเทศสิงคโปร์ ด้วยความสูง 200 เมตรของตัวอาคาร นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองสิงคโปร์แบบ 306 องศาบนดาดฟ้ารูปทรงคล้ายเรือชั้น อีกทั้งดาดฟ้าแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น สระว่ายน้ำลอยฟ้าใหญ่สุดในโลก



       ยูเรกา สกายเด็ค 88(Eureka Skydeck 88) ประเทศออสเตรเลีย ตัวอาคารแห่งนี้มีความสูง 297 เมตร ตั้งอยู่ในทำเลตรงข้ามแม่น้ำยาร์ร่า โดยตึกแห่งนี้มีลิฟต์ที่มีความเร็วสูงที่สุดในซีกโลกใต้ และยังเป็นตึกระฟ้าแห่งเดียวในโลกที่มอบประสบการณ์ในการชมวิวที่เรียกว่า The Edge ซึ่งเป็นการชมวิวบนพื้นกระจกใส โดยพื้นกระจกจะยื่นออกไปนอกตัวอาคาร 3 เมตรเสมือนท่านยืนอยู่บนอากาศนับว่าเป็นการชมวิวเมืองเมลเบิร์นแบบมุมสูงที่ดีที่สุด


       สกายพอยต์ โกลด์โคสต์ (skypoint tower gold coast) ประเทศออสเตรเลีย ตึกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูงรอบๆ หาดที่สวยงามซึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘Surfers Paradise’ (สวรรค์ของนักโต้คลื่น) โดยตึกสกายพอยต์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนหลายตึกของเมืองนี้ ด้วยความสูง 230 เมตร จึงทำให้ตึกแห่งนี้สามารถชมวิวอันงดงามของเมืองโกลด์โคสต์ รวมไปถึงชายหาดยาวเหยียดและท้องทะเล

       สกาย ทาวเวอร์ โอ๊กแลนด์ (Sky Tower Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์ หอคอยสูงสัญลักษณ์ของเมืองโอ๊กแลนด์ ด้วยความสูง 330 เมตร จึงทำให้ผู้ที่ได้มาชมวิวบนอาคารแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่มองเห็นท่า เรือ ตัวเมืองและบริเวณล้อมรอบของเมืองโอ๊กแลนด์จากมุมสูง อีกทั้งยังมีกิจกรรมกระโดดหอวัดใจจาก “Sky Jump” ที่ดิ่งลงมาจากความสูงที่ 190 เมตร หรือจะเดินเล่นรอบๆ ในบริเวณที่เรียกว่า Sky Walk

       โมริ ทาวเวอร์(Mori Tower) ประเทศญี่ปุ่น ตัวอาคารมีความสูง 238 เมตร ในส่วนของชั้น 52 เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบโตเกียวเรียกจุดนี้ว่า “tokyo city view” สามารถเห็นวิวอันสวยงามของมหานครโตเกียวได้อย่างกว้างไกล และที่ชั้นที่ 53 จัดแสดงนิทรรศการงานศิลปะแบบหมุนเวียนให้ได้ชม

       เมโทรโพลิแทนหรือศาลาว่าการมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) ประเทศญี่ปุ่น มีความสูงทั้งสิ้น 243 เมตร ชั้นบนของตึกแฝดแห่งนี้เป็นจุดชมวิว 360 องศาอีกแห่งหนึ่งที่สวยที่สุดในโตเกียว

       หอไข่มุก (Dongfang Míngzhuta) ประเทศจีน หอไข่มุกเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์สูง 468 เมตร ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยมีลักษณะเป็นไข่มุก 11 ลูก และเสา 3 เสา ด้านบนเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดเรียงกันในแนวตั้ง ในปัจจุบันเป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมและเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมือง เซี่ยงไฮ้

       มาเก๊า ทาวเวอร์ (Macau Tower) ประเทศจีน หอคอยแห่งนี้มีความสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก เป็นอันดับ 8 ของเอเชีย มีความสูง 338 เมตร โดยในหอ คอยมาเก๊า ทาวเวอร์นอกจากเป็นจุดชมวิวที่สามารถเดินชมวิวเมืองมาเก๊ารอบหอคอยสูงแล้ว ในหอคอยยังเป็นศูนย์การค้าและห้องจัดประชุมสัมมนา ภัตตาคาร โรงภาพยนตรื และมีกิจกรรม “Mast Climp” การปีนขึ้นไปท้าความกล้าที่ความสูง 338 เมตร


       ไบเท็กซ์โก ไฟแนนเชียล ทาวเวอร์ (baiTextile Financial Tower) ประเทศเวียดนาม โดยอาคารที่สูงที่สุดอันดับ 2 ในเวียดนาม ตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ โดยวิวจากตึกนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของนครโฮจิมินห์ เมืองใหญ่ทางใต้ของประเทศเวียดนามได้อย่างสวยงามและ ชัดเจน                                                                                                                                                                       



(ที่มา : http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9560000106687)